น้ำน่านขุ่นหนัก 4,500 NTU กระทบการผลิตน้ำประปาเทศบาลนครพิษณุโลก

 

แม่น้ำน่านขุ่นผิดปกติ ค่าความขุ่นพุ่งถึง 4,500 NTU จากอิทธิพลน้ำป่าจาก จ.อุตรดิตถ์ ส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตน้ำประปาในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ต้องลดปริมาณจ่ายน้ำลงเพื่อให้เวลาน้ำได้ตกตะกอน ขณะชาวบ้านพื้นที่ปลายสายได้รับผลกระทบน้ำอ่อน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดในช่วงวิกฤตนี้

วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ฝ่ายผลิตกองการประปา เทศบาลนครพิษณุโลก ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก นางปิยนารถ ศิริเจริญพันธ์ และนายเรืองเกียรติ วัฒนกุลชัย รองนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ลงพื้นที่ตรวจสอบระบบผลิตน้ำประปาของเทศบาลนครพิษณุโลก หลังพบปัญหาสำคัญด้านคุณภาพของแหล่งน้ำดิบจากแม่น้ำน่านที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา ซึ่งในขณะนี้มีค่าความขุ่นสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ค่าความขุ่นของแม่น้ำน่านที่วัดจากสถานีของประปาภูมิภาค อ.พรหมพิราม มีค่าสูงถึง 4,500 NTU (Nephelometric Turbidity Units) เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเมื่อวานที่วัดได้เพียง 1,000 NTU และสูงกว่าค่าปกติที่ใช้ผลิตน้ำประปาซึ่งอยู่ที่ประมาณ 100 NTU หลายสิบเท่า

สาเหตุหลักเกิดจากอิทธิพลของ น้ำป่าที่หลากมาจากจังหวัดอุตรดิตถ์ ทำให้ตะกอนดินและสารแขวนลอยจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ส่งผลให้เทศบาลนครพิษณุโลกต้องใช้ระยะเวลาในการตกตะกอนนานขึ้น ส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งจ่ายน้ำให้กับประชาชนในเขตเทศบาล

ปัจจุบัน ระบบประปาของเทศบาลนครพิษณุโลกสามารถผลิตและจ่ายน้ำได้เพียง วันละประมาณ 2,000 ลูกบาศก์เมตร จากปริมาณปกติที่เคยส่งได้ระหว่าง 2,500 – 3,000 ลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำประปาไหลอ่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ปลายท่อ เช่น ตำบลบึงพระ และตำบลบ้านคลอง ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีผลิตน้ำ

ด้านข้อมูลจากกรมอนามัยและองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดค่าความขุ่นของน้ำดื่มไม่ควรเกิน 5 NTU เท่านั้น เพื่อให้สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากความขุ่นสูงเกินไป อาจทำให้จุลินทรีย์หลบซ่อนอยู่ในอนุภาคแขวนลอย ส่งผลต่อความปลอดภัยในการบริโภค นอกจากนี้ยังเพิ่มต้นทุนการใช้สารเคมีบำบัดน้ำ และลดอายุการใช้งานของเครื่องกรองน้ำ

ความขุ่นของน้ำ คือความมัวที่เกิดจากอนุภาคแขวนลอยในน้ำ โดยค่าที่ใช้วัดมาตรฐานทั่วไปมีดังนี้: น้ำใส: ไม่เกิน 25 NTU /น้ำขุ่นปานกลาง: 25 – 100 NTU /น้ำขุ่นมาก: เกิน 100 NTU /ดังนั้นระดับ 4,500 NTU จึงจัดอยู่ในเกณฑ์ “ขุ่นจัดอย่างรุนแรง” ซึ่งต้องอาศัยกระบวนการบำบัดที่เข้มข้นกว่าปกติอย่างมาก

สิบเอกศุภกร อินเลื่อมใส รักษาการหัวหน้าฝ่ายผลิต กองการประปา เทศบาลนครพิษณุโลก ได้กล่าวว่า จากที่เมื่อวานนี้ตอนเช้าค่าความขุ่นประปาที่มาจากแม่น้ำน่านรับข้อมูลมาว่าที่ตรวจวัดได้อยู่ที่ 1,000 ntu ณ ปัจจุบันวันนี้อยู่ที่ 2,500-3,000 ntu และเมื่อสักครู่ได้รับแจ้งจากประปาภูมิภาคที่อยู่พรหมพิรามว่าเจอมวลน้ำที่ 4,500 ntu ซึ่งค่าความขุ่นระดับนี้ทำให้เราต้องเพิ่มเวลาในการพักของน้ำให้นานขึ้นเพื่อให้ตกตะกอน

ประปาเรามีกำลังการผลิตต่อวันต่อชั่วโมงอยู่ที่ 2,800 – 3,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ทำให้เราต้องลดกำลังการผลิตลงไปที่ 500 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ นั่นหมายความว่าเราต้องลดการปล่อยน้ำลง เพื่อให้น้ำในบ่อพักของเราได้มีเวลาในการพักให้ตกตะกอนจนอยู่ในเกณฑ์ที่ประชาชนสามารถอุปโภคได้

ผลกระทบที่ประชาชนในเขตเทศบาลกระทบอยู่ในตอนนี้คือน้ำขุ่นแดง น้ำไหลเอื่อย ซึ่งผลกระทบเหล่านี้อยู่กับค่าความขุ่นของแม่น้ำน่านซึ่งเราไม่สามารถกำหนดได้เลย แต่พวกเราก็ทำสุดความสามารถเพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้ แต่ผู้ใช้น้ำที่อยู่ปลายสายอาจจะได้รับผลกระทบหน่อยในช่วงนี้อาจจะมีการไหลอ่อนของน้ำ ก็สามารถแจ้งมาได้ที่กองประปาตามเขตต่างๆตามเพจ facebook หรือเบอร์ติดต่อสายของกองการประปาหรือช่องทางของหน่วยบรรเทาสาธารณภัยของเทศบาลนครพิษณุโลก โทร 199

เทศบาลนครพิษณุโลกจึงขอความร่วมมือจากประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในช่วงนี้ และติดตามสถานการณ์จากหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อให้สามารถกลับมาจ่ายน้ำประปาได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

//////////////////